วิตามิน

วิตามิน จำหน่ายราคาส่งยกลัง ปรึกษาทีมงานเพื่อสั่งซื้ออาหารเสริมให้ถูกต้องเหมาะกับอาการและสุขภาพของแต่ละท่าน แชทปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ชำระเฉพาะค่าวิตามินและค่าจัดส่ง

 
วิตามิน

วิตามินคืออะไร?

  • วิตามิน คือ  สารอินทรีย์ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายของเราทุกคน โดยเป็นตัวช่วยในการทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเกิดความสมดุลขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีภายในร่างกายขึ้น ที่สำคัญคือร่างกายของเราไม่สามารถผลิตหรือสังเคราะห์วิตามินขึ้นได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหาร จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อ หรือการได้รับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเข้าไปเพื่อทดแทนวิตามินที่ร่างกายเราขาดไป

วิตามินมีกี่ประเภท?

  • วิตามินมี 2 ประเภท
  • 1. วิตามินที่ละลายในไขมัน  (fat-soluble vitamin) 

     ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค วิตามินกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่พบในอาหารร่วมกับไขมันและน้ำมัน และจะถูกดูดซึมพร้อมกับการดูดซึมไขมันและน้ำมัน ดังนั้นการดูดซึมวิตามินกลุ่มนี้จึงขึ้นอยู่กับการดูดซึมของไขมันและน้ำมันในร่างกาย ซึ่งยังต้องมีน้ำดีทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟอิงเอเจนต์ หากเกิดภาวะผิดปกติต่อการย่อยและการดูดซึมไขมันและน้ำมัน เช่น การสร้างน้ำดีที่ตับผิดปกติ หรือท่อน้ำดีอุดตันหรือร่างกายได้รับอาหารที่มีไขมันและน้ำมันน้อยเกินไป จะทำให้การดูดซึมของวิตามินกลุ่มนี้ผิดปกติไปด้วย เนื่องจากวิตามินกลุ่มนี้ละลายได้ดีในไขมันและน้ำมัน เมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไม่สามารถถูกขับออกมาทางปัสสาวะได้
    เพราะวิตามินกลุ่มนี้ไม่ละลายในน้ำ หากร่างกายได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไปจะเก็บสะสมไว้ในร่างกายได้ ดังนั้นวิตามินในกลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องได้รับจากอาหารทุกวัน หากร่างกายได้รับมากเกินไปอาจทำให้เกิดพิษได้

  • 2.วิตามินที่ละลายในน้ำ (Water-soluble vitamin)

    ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม วิตามินบีรวมยังแบ่งย่อยออกเป็นอีกหลายชนิด เช่น วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง วิตามินหก วิตามินสิบสอง ไนอะซิน กรดโฟลิก กรดแพนโททินิก และไบโอติน เป็นต้น ร่างกายไม่สามารถสะสมวิตามินกลุ่มนี้ได้ เพราะมีสมบัติละลายได้ดีในน้ำ ดังนั้นร่างกายจำเป็นต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้อย่างเพียงพอจากอาหารทุกวัน
    และต้องคำนึงไว้เสมอว่าวิตามินที่ละลายในน้ำบางชนิดสูญเสียในระหว่างการปรุงอาหาร ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินลดน้อยลง หากร่างกายได้รับมากเกินไป ส่วนที่มากเกินพอจะถูกขับออกทางปัสสาวะ

    วิตามินบีรวมส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการทำงานของเอนไซม์ เรียกว่า “โคเอนโซม์” ซึ่งเกี่ยวข้องในเมแทบอลิซึมของ
    คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน และกรดนิวคลีอิก ดังนั้นวิตามินบีรวมจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง

วิตามินที่ละลายในไขมัน Fat-Soluble Vitamins

● วิตามิน A

  • ช่วยในเรื่องของการสร้างเซลล์ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยลดการอักเสบของสิว และยังมีความสามารถในการลดจุดด่างดำได้ หากขาดวิตามินเอ อาจทำให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน ผิวแห้ง กระดูกเจริญเติบโตช้า และฟันอ่อน

● วิตามิน D

  • ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน และยังช่วยคงระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้เหมาะสมอีกด้วย ปกติร่างกายคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้เองหลังจากรับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าขาดวิตามินดี จะทำให้มีอาการปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน

● วิตามิน E

  • จะคล้ายวิตามินซีตรงที่มีบทบาทในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธ์ และกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงผิวทำให้สุขภาพผิวเป็นปกติ

● วิตามิน K

  • มีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือด ช่วยป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่มีผลต่อความแข็งแรงของกระดูก ทำให้กระดูกไม่เปราะบาง
วิตามินละลายในน้ำ

วิตามินที่ละลายในน้ำ Water-Soluble Vitamins

วิตามิน C

วิตามินที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการสร้างกระดูกและฟัน และยังพบว่าเป็นสารต้านเชื้อไวรัสที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

● วิตามิน B1

  • มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรตให้เปลี่ยนเป็นพลังงาน อาการของผู้ที่ขาดวิตามินบี 1 คือ เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว มีอาการเหน็บชาตามมือและเท้า

● วิตามิน B2

  • วิตามินบี 2 (Riboflavin)

    มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและการผลิตเม็ดเลือดแดง ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ทั้งยังมีส่วนช่วยในการทำงานของสายตา ถ้าขาดวิตามินนี้ อาจทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ

● วิตามิน B3 (Niacin)

  • มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรตให้เปลี่ยนเป็นพลังงาน อาการของผู้ที่ขาดวิตามินบี 1 คือ เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว มีอาการเหน็บชาตามมือและเท้า

● วิตามินบี 5 (Pantothenic acid)

  • จำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนหลายชนิด และจำเป็นต่อการเผาผลาญอาหาร

● วิตามินบี 6 (Pyridoxine)

ช่วยในสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และมีบทบาทในการสร้างแอนติบอดี้ในระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้การทำงานของเส้นประสาทเป็นปกติ และมีส่วนช่วยในการเผาผลาญอาหารประเภทโปรตีน ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี หากขาดวิตามินบี 6 จะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง มีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตัน

● วิตามินเอช(Vitamin H) หรือวิตามินบี 7 (Biotin)

  • ช่วยบำรุง เส้นผม ผิวหนัง และเล็บ ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญไบโอตินเป็นวิตามินอีกหนึ่งชนิดที่มีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบเผาผลาญ โดยจะทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นกลูโคส เพื่อใช้เป็นพลังงาน ทั้งยังมีส่วนช่วยให้กรดอะมิโนทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาและป้องกันภาวะขาดไบโอติน ภาวะนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคขาดสารอาหาร การมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว การได้รับอาหารผ่านทางสายยางเป็นเวลานาน ๆ เป็นต้น

● วิตามินบี 9 (Folate /Folic acid)

  • มีโฟเลทช่วยในการสร้างดีเอ็นเอ รักษาการทำงานของสมองให้เป็นปกติ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะท่อประสาทปิดไม่สนิทของเด็กในครรภ์มารดา ส่วนโฟลิคแอซิด มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์และพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์

● วิตามิน B12

  • ช่วยให้ร่างกายนำคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยในการทำงานของระบบประสาท พบในจำพวกปลา ตับ ไข่ นม

● วิตามิน K3 (mendadione)

  • ใช้สำหรับรักษาคนไข้ที่ไม่สามารถใช้วิตามินเคที่สร้างขึ้นที่ลำไส้ได้ เนื่องจากขาดน้ำดี หรือน้ำย่อยที่ที่จำเป็นสำหรับการดูดซึม

เลือกทานวิตามินอย่างไรให้ถูกวิธี

  • การทำความรู้จักกับวิตามินแต่ละชนิดก่อนตัดสินใจเลือกทาน ถือเป็นหัวใจสำคัญของผู้ที่รักในสุขภาพ เพราะว่าวิตามินแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ วิธีการรับประทาน และ ข้อควรระวัง ที่ต่างกัน  โดยมีวิธีการ 5 ข้อดังนี้

    1.ศึกษารายละเอียดของวิตามินแต่ละชนิดให้ดี ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายหรือไม่ ควรทานเวลาไหน


    2.กินวิตามินแต่ละชนิดให้ถูกต้องตามเวลา
    อาทิเช่น

    Zinc ควรกินตอนท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างเต็มที่
    วิตามิน B ควรกินหลังอาหาร เพื่อให้ละลาย และถูกดูดซึมไปพร้อมกับสารอื่นๆ ที่กินเข้าไปวิตามินกลุ่มละลายไขมันอย่าง A D E และ K ที่ควรกินพร้อมกับอาหารในมื้อที่มีไขมัน เพื่อให้ละลาย และร่างกายดูดซึมได้ดีมากขึ้น


    3.กินวิตามินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลระยะยาว  เช่น วิตามิน C และวิตามิน B เป็นต้น และการทานวิตามินนั้นไม่สามารถเห็นผลได้ในทันที เช่น บางคนเป็นหวัด จึงเลือกทานวิตามิน C เพื่อแก้อาการหวัด ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และไม่สามารถแก้อาการหวัดได้ แต่ว่าสามารถป้องกันด้วยการกินอาหารที่มีวิตามิน C หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน C เป็นต้น


    4.กินวิตามินกับน้ำเปล่าเท่านั้น

    วิธีกินวิตามินที่ถูกต้อง คือ กินวิตามินกับน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะว่าการกินวิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ รวมถึง ยารักษาโรคกับเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ชา หรือกาแฟ จะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหารของร่างกาย นอกจากนั้น อาจมีตัวยาบางชนิดที่ไ่ม่สามารถทานร่วมกับเครื่องดื่มอื่นๆ ได้ แถมยังทำให้วิตามินที่กินเข้าไปนั้นเห็นผลน้อยลงด้วย ดังนั้น ทุกคนจึงควรกินวิตามินกับน้ำเปล่า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีมากยิ่งขึ้น

    5.ตรวจร่างกาย หรือปรึกษาแพทย์ก่อนกินวิตามิน

    การตรวจร่างกายหรือปรึกษาแพทย์ก่อนกินวิตามิน เป็นอีกวิธีกินวิตามินที่จะช่วยให้ทุกคนได้เห็นผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะว่าร่างกายของทุกคนนั้นมีความต้องการสารอาหาร และแร่ธาตุไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ควรเลี่ยงการทานวิตามิน C หรือผู้ที่ต้องกินยาละลายลิ่มเลือด ควรเลี่ยงการทานวิตามิน E ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด


    เพราะสุขภาวะที่ดีเริ่มจากการรู้จักร่างกายของเรา ท่านจึงเลือกรับประทานสารอาหารประเภทวิตามินให้เหมาะสมกับท่านได้
อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ร่างกาย

วิตามิน ที่ไม่ควรรับประทานร่วมกัน

    • วิตามินซี กับ  วิตามินบี 12  เพราะวิตามินซีอาจทำปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์กับวิตามินบี 12 อีกทั้งยังอาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินบี 12 ด้วย ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินวิตามินซี และวิตามินบี 12 ด้วยกันทั้งคู่ ควรเว้นช่วงสัก 2-3 ชั่วโมง หรือกินวิตามินแต่ละชนิดคนละมื้ออาหารก็ได้

      นอกจากนี้ยังมีคู่สารอาหารและแร่ธาตุที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ไม่ควรทานคู่กันดังนี้

           วิตามินอีและน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เป็นวิตามินและอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณเช่นกันค่ะ ดังนั้นควรเลือกรับประทานแค่ตัวใดตัวหนึ่ง เพราะหากได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เยอะเกินไป อาจทำให้หัวใจทำงานหนักได้

          ธาตุเหล็ก และ แคลเซียม / แมกนีเซียม   ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย และลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง แต่ธาตุเหล็กไม่ควรรับประทานพร้อมกับแคลเซียมและสังกะสี เพราะทั้งสองสิ่งนี้จะไปรบกวนการดูดซึมของธาตุเหล็กได้ ทั้งยังเกิดการแย่งกันดูซึม ทำให้แคลเซียม / แมกนีเซียม ดูดซึมได้ไม่ดีด้วย

5 วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

    • ไม่ว่าอาหารจะมีปริมาณมากมายขนาดไหนหรือมีตัวเลือกทางโภชนนาการให้เราเลือกทานมากมายก็ตาม นี่คือวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย


       วิตามินซี
    ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ บร็อคโคลี่ มันฝรั่ง พริกหวาน ผักโขม มะละกอ มะม่วง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม
     
    •  วิตามินดี
    ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกระดูก โดยปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อได้รับแสงแดด สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับแสงแดด ร่างกายอาจสร้างวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ควรรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เห็ด และดื่มนมที่เสริมวิตามินดีเป็นประจำ
     
    • วิตามินเอ
    ช่วยรักษาสายตาของผู้สูงวัยไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งของวิตามินเอในอาหาร ได้แก่ ผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก
     
    • แคลเซียม
    แคลเซียมช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่น ผู้สูงอายุต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม อาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียม ได้แก่ นมถั่วเหลืองเพิ่มแคลเซียม นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวไม่หวานจัด) ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง (เช่น ฟองเต้าหู้) ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาข้าวสาร) ผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้ม (เช่น คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบยอ ฟักทอง แครอท)
     
    • วิตามินอี

    เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย วิตามินอีพบมากในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว งา และน้ำมันสำหรับปรุงอาหารทุกชนิด

    เคล็ดลับสุขภาพเป็นเทคนิคส่วนบุคคล การทานอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นพื้นฐาน แล้วจึงเลือกสิ่งดีๆเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะทางร่างกายของคุณให้สมบูรณ์แข็งแรงอย่างมีคุณภาพ

วิตามินซีควรกินตอนไหน
    • วิตามินควรกินตอนไหน คลิคเพื่ออ่านเพิ่มเติม

วิตามินบีควรกินตอนไหน?

วิตามินอีควรกินตอนไหน?

พร้อมให้คำปรึกษา ติดต่อเราได้ที่

FAQ : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ วิตามิน

ตอบ :

การขาดวิตามินแต่ละชนิดอาจมีอาการแสดงออกหลายอย่างมาก ดังนั้นหนึ่งในวิธีทีประเมินตัวเองเบื้องต้นอาจเป็นการสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ดังนี้

  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินบี 12 (Vitamin B12) อาจมีอาการ อ่อนเพลีย เกิดความสับสน เกิดอาการชาตามมือและเท้า ปวดหัว หงุดหงิด โดยเฉพาะคนที่มีภาวะโลหิตจาง อาจมีแนวโน้มที่จะขาดวิตามินบี 12 มากกว่าผู้อื่น
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินดี (Vitamin D) อาจป่วยง่าย อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ อารมณ์ไม่ดี ผมร่วง
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินเอ (Vitamin A) อาจมีอาการมองไม่ค่อยเห็นในเวลากลางคืน เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ลำคอ หน้าอก และช่องท้องง่ายขึ้น อาจทำให้ผิวแห้ง อาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ และอาจทำให้เกิดปัญหาเจริญเติบโตช้าในเด็ก
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินอี (Vitamin E) อาจนำไปสู่อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการชาตามร่างกาย การมองเห็นแย่ลง และอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานด้อยลง
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินซี (Vitamin C) อาจนำไปสู่ผิวไม่เรียบ ผิวแห้ง เล็บมีจุดหรือเส้นสีแดง ฟกช้ำง่าย แผลหายช้า กระดูกไม่แข็งแรง มีเลือดออกตามไรฟันหรือเหงือก และระบบภูม้คุ้มกันไม่แข็งแรง
  • ผู้ที่กำลังจะกินวิตามินเสริม และอาหารเสริม หรือกินวิตามินและอาหารเสริมอยู่แล้วเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีความเครียดสูง วิถีชีวิตเร่งรีบ รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
  • ผู้ที่มีปัญหาลำไส้ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมได้ไม่ดี

ตอบ :หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ยา กับ วิตามิน เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยา คือสิ่งที่ร่างกายไม่มี ร่างกายเราไม่สามารถผลิตยาเองได้ ดังนั้น ยาจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในภาวะร่างกายปกติ ในทางกลับกัน ยามีไว้ใช้รักษาอาการผิดปกติของร่างกายที่มีอาการรุนแรง เช่น อาการปวดหัว ต้องได้รับยาพาราเซตามอลที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งยามีการออกฤทธิ์ที่เร็ว สามารถระงับอาการต่าง ๆ ได้ แตกต่างจากการรับประทานอาหารเสริมที่จะเข้าไปช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย ในส่วนของวิตามิน คือสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว และเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ หากขาดวิตามินแล้ว ร่างกายจะแสดงความผิดปกติออกมาให้เห็นทันที และเมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติต่างๆเกิดขึ้น สามารถตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของการขาดวิตามินได้ และรับประทานวิตามินเสริมเข้าไป

พร้อมรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ
Accept Reseller
ราคาดีที่สุด ยิ่งสั่งเยอะยิ่งถูก มีราคาส่ง
Best Price
ส่งเร็ว ส่งด่วนทุกวัน
(ยกเว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
Fast Delivery
ออกใบกำกับภาษีได้
Can Issue Tax
สินค้าทุกรายการผ่าน อย.ไทย และผ่านการ QC คัดสรรคุณภาพ
Quality Product
ขั้นตอนการสั่งซื้อง่าย เพียงกดใส่ตะกร้าใน LINE SHOP ทำการโอนชำระ และแนบสลิป
Easy Procedure
WORLDMED SOLUTION

ผู้นำการให้บริการจัดจำหน่าย อุปกรณ์การแพทย์ อาหารเสริม ชุดตรวจ ATK ราคาส่ง มีประสบการณ์การให้บริการธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ และอาหารเสริมอย่างยาวนาน ทีมงาน Worldmed Solution ยินดีเป็นส่วนหนึ่งที่จะรับใช้คุณ ช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ด้่วยความใส่ใจดูเเลทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับการ บริการที่เหนือกว่า สัมผัสความประทับใจในทุกการบริการของเรา

We strive to make you happy

YOUR SMILE IS OUR GOAL : )

47296360_999755030224979_6019024635276820480_n